TikTok เป็นมีเดียยอดฮิตของคนรุ่นใหม่ที่มีเหล่าอินฟลูเอนเซอร์อยู่มากมาย แต่การจะกรองว่าคลิปไหนดีไม่ดี เราต้องดูให้รอบด้าน ล่าสุดมี คลิป ไวรัลTiktok ที่ต้องเอามาเตือนกันนั่นคือ Boat Jump Challenge หรือ ชาเลนจ์กระโดดเรือ นั่นเอง
ปัจจุบันมีเหยื่อของ Boat Jump Challenge ที่ต้องสังเวยชีวิต คอหักดับแล้ว 4 ราย โดยเหล่าวัยรุ่นสร้างตัวชาวอเมริกัน ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ได้กลายเป็นกระแสขึ้นมาในหมู่ผู้ใช้ TikTok แบบขาดความยั่งคิดหรือการเตือน เพราะพูดแล้วเหมือนง่ายในการทำเพียง ถ่ายคลิปตอนที่กระโดดจากเรือที่กำลังแล่นอยู่ด้วยความเร็ว ลงน้ำไปแบบเท่ๆ
การเป็นอินฟลูเอนเซอร์ คือ กระบวนการสร้าง เปิดตัว และจัดการกิจการใหม่ที่ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อขัดขวางตลาดที่มีอยู่หรือสร้างตลาดใหม่ทั้งหมด ในทางกลับกัน ความเป็นผู้นำในโลกไซเบอร์จะต้องมี ความสามารถในการชี้นำ สร้างแรงบันดาลใจ และโน้มน้าวบุคคลหรือทีมให้บรรลุเป้าหมายร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ
เรื่องราวดีๆ เกี่ยวกับ Digital Intelligence (DQ) >> https://dtech.or.th/dq
ถึงแม้ว่า หน่วยกู้ภัยของรัฐอลาบาม่า สหรัฐอเมริกา ออกมาเตือนครับว่ากิจกรรมนี้ทำให้มีคนคอหักจมน้ำเสียชีวิตไปแล้ว 4 รายใน 6 เดือน เฉพาะแค่ในน่านน้ำของอลาบาม่า ยังไม่รวมที่อื่น ส่วนหนึ่งคือผู้ปกครองอาจจะไม่เห็นหรืออย่างไรก็ว่าไป เกี่ยวกับ ชาเลนจ์กระโดดเรือ แต่ที่สำคัญมากๆ ต้องยอมรับว่าในส่วนนี้ อินฟลูเอนเซอร์ ไม่มีการเตือนใดๆ ทั้งสิ้น
การได้ชื่อว่า อินฟลูเอ็นเซอร์ ในปัจจุบันแสดงว่าเป็นคนดังและมีอิทธิพลมากในสังคม ไม่ว่าจะกับเด็กหรือสาธารณะ ที่ชื่นชอบการทำ ไวรัลTiktok ดังนั้นการกระทำของเราแม้เพียงเล็กน้อยอาจเป็นตัวอย่างที่ดีหรือไม่ดี ย่อมมีผลต่อผู้อื่น จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่สังคมจะคาดหวังให้มีความรับผิดชอบต่อสังคมมากกว่าคนธรรมดาทั่วไป
นอกจากนี้ ต้องมีความสามารถในการปรับตัวให้เข้ากับภูมิทัศน์ทางเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งคำนวณความเสี่ยงเพื่อใช้ประโยชน์จากแนวโน้ม-โอกาสที่เกิดขึ้นใหม่ และมีบทบาทสำคัญในการกำหนดวิสัยทัศน์ สร้างแรงบันดาลใจให้ทีมแสวงหาการแก้ปัญหาที่เป็นนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง เพราะการลงคลิปบนสื่ออนไลน์จะไม่มีการเตือนหรือกำหนดอายุผู้ชมแบบโทรทัศน์
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ การเลือกทำคอนเทนต์ที่มีจริยธรรมและแสดงถึงแง่มุมที่ไม่บิดเบี้ยวจากความเป็นจริง ไม่เอาความสุขของตัวเองเป็นที่ตั้งหากสิ่งนั้นสร้างความเดือนร้อนให้กับคนอื่น
อ่านเรื่องดีๆ เกี่ยวกับ Digital Vaccine ได้ที่ >> https://digitalvaccine.me/
เรื่องนี้ถือเป็นหนึ่งในหัวข้อของ DQ เกี่ยวกับ การเป็นผู้นำ และผู้ประกอบการทางโลกดิจิทัล หรือ Leadership and digital entrepreneurship
การเป็นผู้นำที่ดีในยุคดิจิทัล (Digital Age) นั้นมีความซับซ้อนและต้องปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีและสังคมได้อย่างรวดเร็ว เพื่อนำทางองค์กรหรือกลุ่มคนในทิศทางที่เหมาะสม นี่คือบางหลักการสำหรับการเป็นผู้นำที่ประสบความสำเร็จในยุคดิจิทัล:
เข้าใจเทคโนโลยี: ผู้นำควรมีความเข้าใจเกี่ยวกับเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากเทคโนโลยีมีบทบาทสำคัญในการดำเนินงานและการตัดสินใจในยุคดิจิทัล การเข้าใจเทคโนโลยีจะช่วยให้ผู้นำสามารถตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงได้อย่างเหมาะสมและช่วยในการพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ ในองค์กรหรือธุรกิจของตน
การเรียนรู้และปรับตัว: ยุคดิจิทัลเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ผู้นำที่ประสบความสำเร็จควรมีจรรยาบรรณในการเรียนรู้และพร้อมที่จะปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์และการเปลี่ยนแปลงในสังคมและองค์กร
การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ: การสื่อสารในยุคดิจิทัลเป็นสิ่งสำคัญมาก เนื่องจากมีช่องทางการสื่อสารที่หลากหลาย ผู้นำควรมีทักษะในการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพทั้งในสื่อดิจิทัลและสื่อสังคม รวมถึงการใช้สื่อสังคมออนไลน์เพื่อสร้างความสัมพันธ์และเชื่อมโยงกับคน
ความเปิดรับต่อการเปลี่ยนแปลง: ผู้นำที่ประสบความสำเร็จในยุคดิจิทัลควรมีจิตสำนึกที่เปิดรับต่อการเปลี่ยนแปลง รวมถึงการรับรู้และปรับตัวตามความต้องการของตลาดและผู้บริโภค
การสร้างความน่าเชื่อถือและความโปร่งใส: ในยุคดิจิทัลที่ข้อมูลและข่าวสารมีมากมาย ผู้นำควรสร้างความน่าเชื่อถือในบุคคลอื่นๆ โดยการแสดงความโปร่งใสและเปิดเผยข้อมูลอย่างถูกต้องและเชื่อถือได้
ความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูล: ผู้นำควรมีความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อตัดสินใจในการวางแผนกลยุทธ์และการดำเนินงาน การใช้ข้อมูลให้เป็นประโยชน์ในการตัดสินใจเป็นสิ่งสำคัญ
การกระทำเร่งรีบและการนำคนไปสู่ความสำเร็จ: ผู้นำควรมีความก้าวหน้าในการกระทำและสามารถนำทีมหรือกลุ่มคนไปสู่ความสำเร็จได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การสร้างและสนับสนุนทีม: การทำงานเป็นทีมเป็นสิ่งสำคัญในยุคดิจิทัล ผู้นำควรมีความสามารถในการสร้างทีมที่มีทักษะที่ต้องการและสนับสนุนทีมให้สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
จริยธรรมและความรับผิดชอบ: การปฏิบัติตามจริยธรรมและความรับผิดชอบเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างความเชื่อถือและเสริมสร้างความเป็นผู้นำที่ดีในองค์กร
การเป็นผู้นำที่ดีในยุคดิจิทัลต้องการความยืดหยุ่นในการปรับตัวตามการเปลี่ยนแปลง การเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง และความเข้าใจถึงปัจจัยที่มีผลต่อองค์กรและสังคมในยุคนี้
อยากรู้ว่าอินฟลูเอนเซอร์ ยูทูปเบอร์ บล็อกเกอร์ ต่างกันยังไง
Influencer คือ คนที่มีอิทธิพลต่อคนอื่นๆ เช่น ทำอะไรแล้วคนทำตาม พูดอะไรแล้วคนเชื่อ ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องมีชื่อเสียงหรือความน่าเชื่อถือมากพอ จะอยู่ในรูปแบบออนไลน์หรือออฟไลน์ก็ได้ เช่น เวลาดูใครไปแนะนำร้านอาหารหรือที่พักแล้วเราอยากไปชิมไปพักที่นั่นบ้างก็แปลว่าเขามีอิทธิพลกับคุณแล้วแหละ หรืออย่างโรนัลโดที่มีภาพเอาน้ำอัดลมออกตอนสัมภาษณ์ นั่นก็ Influencer นะครับมีผลกับหุ้นบริษัทน้ำอัดลมเลยทีเดียว
Youtuber และ Blogger คือคนที่นำเสนอเรื่องราวต่างๆ ผ่านช่องทางที่ต่างกัน Youtuber ก็จะเป็นรูปแบบวีดีโอคลิปสำหรับดูหรือฟัง ส่วน Blogger จะเป็นรูปแบบการเขียนหรือภาพ
Youtuber และ Blogger อาจจะไม่ใช่ Influencer ก็ได้ถ้ายังไม่มีชื่อเสียง ความนิยม หรือความเชื่อถือมากพอ
อินฟลูเอนเซอร์ รูปแบบใหม่การโฆษณา
การโฆษณาในรูปแบบนี้ “อินฟลูเอนเซอร์ (Influencer)” เป็นส่วนสำคัญที่เข้ามามีอิทธิพลในด้านการตัดสินใจซื้อสินค้าต่างๆ อินฟลูเอนเซอร์ คืออะไร? ถ้าจะแปลแบบตรงตัว หมายถึง “ผู้ทรงอิทธิพลบนโลกโซเชียล” ซึ่งจะบอกว่าใครก็สามารถเป็น อินฟลูเอนเซอร์ได้ในปัจจุบัน เพราะไม่ว่าเราหันไปทางไหนก็จะพบ Blogger Youtuber Instagrammer ที่เป็นผู้มีอิทธิพลต่อผู้ที่ติดตามบนโซเชียล
โดยมีความสามารถในการสื่อสาร สร้างการรับรู้แบรนด์ หรือแม้กระทั่งมีอิทธิพลโน้มน้าวใจให้กลุ่มเป้าหมายสามารถควักกระเป๋าซื้อสินค้าตามที่อินฟลูเอนเซอร์เหล่านั้นแนะนำได้ แน่นอนว่าการปรับเปลี่ยนการบอกเล่าด้วยการโฆษณาโดยอาศัยเหล่า อินฟลูเอนเซอร์ เองก็ยังถือว่าเป็นการโฆษณาอย่างหนึ่งบรรดาอินฟลูเอนเซอร์เอง ก็ต้องพึ่งระวังเรื่องของการรีวิวสินค้าที่อาจจะเข่าข่ายผิดกฎหมาย ขัดต่อศีลธรรม หรือหลอกลวงผู้บริโภค รวมถึงการใช้ข้อความโฆษณาที่เข้าข่ายเป็นเท็จ เกินความจริง หรือทำให้เกิดความเข้าใจผิดในสาระสำคัญของสินค้า
เพราะการที่อินฟลูเอนเซอร์ ให้ข้อมูลแก่ผู้บริโภคจะต้องรับผิดชอบในข้อมูลนั้น เพราะตามกฎหมายระบุชัดเจนว่าผู้พูดต้องรับผิดชอบในเนื้อหาที่พูด หากพูดบรรยายสรรพคุณของผลิตภัณฑ์เกินไปจากความจริงหรือโอ้อวดสรรพคุณทำให้หลงเชื่อหรือคล้อยตามในสาระสำคัญที่ไม่เป็นความจริง จะถือว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายนั้นเอง